หน้า7 กำเนิดพาลี สุครีพ และ หนุมานเผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดี, 02 มิถุนายน 2559 13:33 | เขียนโดย tippimont | | | ฮิต: 7786 2.กำเนิดพาลี สุครีพ และ หนุมาน กล่าวถึงฤษีตนหนึ่งชื่อ โคดม เดิมเป็นกษัตริย์ ครอง กรุงสาเกด ไม่มีโอรส ธิดาเกิดความเบื่อหน่ายในราชสมบัติ จึงออกบวชบำเพ็ญพรภาวนาอยู่นานถึง สองพันปี จนหนวดยาวดั่งหญ้ารกมีนกกระจาบป่าสองผัวเมียมาทำรัง ต่อมานางนกตัวเมียตกไข่ นกตัวผู้จึงได้บินออกไปหาอาหารได้สั่งให้นกตัวเมียอยู่ดูแลลูกอยู่ในรัง นกตัวผู้ได้ออกไปหาอาหารจนถึงป่าหิมพานต์ ได้พบดอกบัวบานอยู่ในสระใหญ่ ก็บินลงไปจิกกินเป็นอาหารอย่างเพลิดเพลินจนกระทั่งเย็น ดอกบัวได้หุบกลีบ จึงได้ติดติดอยู่ทั้งคืน รุ่งเช้าได้รีบบินกลับรัง นางนกตัวเมียไม่เห็นผัวกลับมาตลอดทั้งคืนก็โกรธ เมื่อพบก็ต่อว่าไปคบชู้สู่สมกับนางนกตัวอื่น นกตัวผู้จะชี้แจงอย่างไรก็ไม่ยอมเชื่อ จนในที่สุดนกตัวผู้จึงได้สาบานว่า หากนอกใจเมียจริงก็ขอให้บาปทั้งหมดของพระฤษีโคดมทั้งหมดตกมาอยู่กับตน พระฤษีนั่งฟังอยู่นาน ได้ยินเสียงนกตัวผู้พูดเช่นนั้นก็นึกเอะใจว่า ตนบำเพ็ญพรตมานานจนถึงเพียงนี้ จะยังมีบาปอะไรอยู่อีก จึงได้ถามออกไป นกตัวผู้จึงได้ตอบว่า บาปเพราะไม่มีลูกไว้สืบสกุล พระฤษีได้ดังนั้นจึงได้ทำกองกูณฑ์ (ไฟ) ทำพิธีชุบนางหนึ่งขึ้นมาให้ชื่อว่า กาลอัจนา แล้วได้สมสู่กับนางจนมีธิดาหนึ่งคน ชื่อ สวาหะ ต่อมาพระอินทร์และพระอาทิตย์ คิดจะแบ่งฤทธิ์ของตนออกมาเพื่อสร้างทหารเอกให้กับพระราม จึงได้ลอบลงมาเป็นชู้กับนางกาลอัจนาจนมีโอรสสององค์ พระฤษีโคดมไม่รู้ก็เลี้ยงลูกทั้งสามมาด้วยความรักใคร่ จนกระทั่งวันหนึ่ง... ให้อาวรณ์ร้อนรนกระวนกาย ดังจะวายชีวังสังขาร์ คิดจะใคร่ไปสรงคงคา ในท่านมหาวารี จึ่งอุ้มลูกน้อยเบื้องขวา พี่ยาขี่หลังพระฤษี มือซ้ายจูงราชบุตรี จรลีไปตามคงคาฯ นางสวาหะเห็นดังนั้นก็บ่นออกมาด้วยความน้อยอกน้อยใจว่า ทีลูกคนอื่นทั้งอุ้มทั้งให้ขี่หลังส่วนลูกของตนกลับให้เดิน พระฤษีได้ยินดังนั้นก็นึกสงสัย จึงได้สอบถามเอาความจริง นางสวาหะจึงได้บอกว่า ขณะที่พ่อไม่อยู่มีชายเข้ามาหาแม่ในอาศรมสองครั้งสองคน พระฤษีได้ยินดังนั้นก็โกรธ จึงได้เสี่ยงทายโดยการโยนเด็กทั้งสามลงน้ำพร้อมกับอธิษฐานว่า... แม้นว่าสามเจ้านี้เป็นเนื้อ เชื้อสายโลหิตของข้า จะทิ้งออกไปกลางคงคา จงว่ายกกลับมาทันใด แม้นเป็นลูกชายอื่น อย่าให้ว่ายคืนเข้ามาได้ จงเป็นสวาวานรไพร เสี่ยงแล้วขว้างไปทันทีฯ คงมีแต่นางสวาหะคนเดียวเท่านั้นที่ว่ายน้ำกลับมา พระฤษีโคดมเมื่อกลับมาถึงอาศรม เห็นนางกาลอัจนาก็โกรธได้ด่าว่าและสาปนางให้กลายเป็นศิลาจมอยู่ในมหาสมุทรอย่าได้ผุดได้เกิด จนกว่าพระนารายณ์อวตารลงมาแล้วเอาแผ่นศิลานี้จองถนนข้ามไปยังกรุงลงกาเพื่อปราบยักษ์จึงจะพ้นคำสาป ฝ่ายโอรสของพระอาทิตย์และพระอินทร์ เมื่อถูกสาปให้กลายเป็นวานรก็เข้าไปอยู่ในป่าได้รับความลำบากยิ่งนัก พระอินทร์เมื่อรู้เข้าก็รีบลงมาเนรมิต กรุงขีดขินให้อยู่ และได้ตั้งชื่โอรสของพระอินทร์ว่า กากาศ (พาลี) โอรสของ พระอาทิตย์ว่า สุครีพ เป็นอุปราช พระอิศวรทรงทราบได้เอาเหงื่อไคล ของพระองค์ชุบวานรขึ้นมา และให้ชื่อว่า ชมพูพาน และให้ไปอยู่ที่กรุงขีดขินด้วย นางกาลอัจนาเมื่อถูกพระฤษีโคดมสาป และรู้ว่านางสวาหะลูกสาวเป็นผู้บอกความลับจึงต่อว่านางด้วยความแค้นว่าไม่รู้จักบุญคุณที่ได้เลี้ยงดูมาจึงได้สาปนางสวาหะไปยืนตีนเดียวเหนี่ยวกินลมอยู่ที่เชิงเขาจักรวาล เมื่อใดมีลูกเป็นวานรที่มีฤทธิ์แกล้วกล้าแล้วจึงจะพ้นคำสาป พระอินทร์ทรงทราบจึงคิดที่จะสร้างทหารเอกให้กับพระราม จึงได้สั่งให้พระพายนำเทพอาวุธ คือ ตรี จักร และคทา ไปซัดเข้าปากนางสวาหะ นางสวาหะตั้งครรภ์อยู่ได้สิบสามเดือน เมื่อถึงกำหนด ครั้นได้ศุภฤกษ์ยามดี พระรวีหมดเมฆแสงฉาน ปีขาลเดือนสามวันอังคาร เยาวมาลย์ก็คลอดโอรส เป็นวานรผู้เผ่นออกทางโอษฐ์ เผือกผ่องไพโรจน์ทั้งกายหมด ใหญ่เท่าชันษาได้โสฬส อลงกตดั่งดวงศศิธร ฯ พระพายจึงได้ตั้งชื่อลูกว่า หนุมานชาญสมร ได้แบ่งฤทธิ์และกำลังกายให้กับลูก ส่วนนางสวาหะได้เข้ามาจูบกอดลูกด้วยความรักและอาลัยที่ไม่อาจอยู่เลี้ยงลูกได้ ก่อนจากกันได้สั่งลูกว่า จงฝากกายพระพายเทเวศ ซึ่งเป็นบิตุเรศเรืองศรี อันกุณฑลขนเพชรเขี้ยวมณี ที่มีในกายของลูกรัก ถ้าว่าผู้ใดมาทายทัก ท่านนั้นนารายณ์ทรงจักร อวตารลงมาผลาญยักษ์ เจ้าจงสามิภักดิ์กับบาทา ฯ Page >>1 >>2 >>3 >>4 >>5 >>6 >>7 >>8 >>9 >>10 >>11 >>12 >>13 >>14 >>15 < ต่อไป ต่อไป >