หน้า10 กำเนิดพระราม สีดาเผยแพร่เมื่อ วันพุธ, 13 กรกฎาคม 2559 14:25 | เขียนโดย tippimont | | | ฮิต: 11014 4.กำเนิดพระราม สีดา ต่อมาท้าวทศรถแห่งกรุงอยุธยา คิดจะทำพิธีขอโอรสจึงได้ไปนิมนต์พระฤษีกไลโกฏที่อยู่กรุงโรมพัตให้มาเป็นประธาน พระฤษีกไลโกฏจึงได้ขึ้นไปเฝ้าพระอิศวร เพื่อให้เชิญพระนารายณ์อวตารลงมาปราบเหล่าอสูรร้าย พระอิศวรเห็นชอบด้วยจึง ได้เชิญพระนารายณ์อวตาร ลงมาเกิดเป็นโอรสของท้าวทศรถพร้อมด้วยบรรดาบริวาร จักร นาค สังข์ คทา และเหล่าเทพเทวารวมทั้งดาวนพเคราะห์ทั้งหมาย ขณะที่พระฤษี กไลโกฏทำพิธีขอโอรสอยู่นั้น ได้มีอสูรถือถาดข้าวทิพย์สี่ก้อนผุดขึ้นมาจากกองกูณฑ์ กลิ่นหอมของข้าวทิพย์ลอยปำกลถึงกรุงลงกานางมณโฑได้กลิ่นก็นึกอยากกิน จึงได้บอกทศกัณฐ์ ทศกัณฐ์ได้สั่งให้นางกากนาสูรแปลงกายเป็นกายักษ์มาโฉบเอาไปได้ครึ่งก้อน นางมณโฑเมื่อได้กินข้าวทิพย์ก็ตั้งครรถ์ ครั้นครบกำหนดก็ให้กำเนิด... เป็นบุตรศรีศุภลักษณ์เลิศ งามประเสริฐดั่งนางในไตรจักร ผิวนวลละอองผ่องพักตร์ ผิดสุริยวงศ์ยักษ์ในลงกา นางนั้นร้องขึ้นว่าผลาญราพณ์ สามคาบปรากฏถ้วนหน้า แต่องค์บิตุเรศมารดา ไม่ได้ยินวาจานางนงลักษณ์ ฯ แต่โหรได้ทำนายว่าธิดาน้อยเป็นกาลกิณี จะผลาญโคตรวงษ์ยักษาจนสิ้น ทศกัณฐ์รู้เช่นนั้นจึงจำใจต้องนำใส่ผอบไปลอยน้ำทิ้งในแม่น้ำวัลวา พระฤษีชนก (ท้าวชนกจักรวรรดิ) ซึ่งเป็นกษัตรษ์แห่งกรุงมิถิลา ได้มาพบเข้าจึงได้นำไปเลี้ยงไว้ได้อธิษฐานให้น้ำนมไหลออกจากนิ้วชี้เพื่อใช้เลี้ยงกุมารีน้อย ต่อมาพระฤษีเห็นว่าการเลี้ยงกุมารีน้อยเป็นอุปสรรคต่อการบำเพ็ญศีลจึงได้นำไปฝากแม่พระธรณีเลี้ยงไว้ ท้าวทศรถเมื่อทำพิธีแล้ว ได้นำข้าวทิพย์มาให้มเหสีทั้งสามเสวย ต่อมาได้ตั้งครรภ์ เมื่อครบกำหนด นางเกาสุริยาก็ให้กำเนิด พระราม นางไกยเกษีได้ให้กำเนิด พระพรต นางสมุทรชาได้ให้กำเนิดพระลักษณ์และพระสัตรุด เมื่อกุมารทั้งสี่ได้เจริญวัยได้เข้าศึกษาวิชาศิลปศาสตร์กับ พระฤษีวสิทธิ์และสวามิตร จนมีความรู้และความรู้และเชี่ยวชาญในด้านวิชาคาถาอาคมและศรศิลป์ ต่อมาพระฤษีชนก คิดเบื่อหน่อยในการบำเพ็ญตบะกิจเพราะไม่ได้บรรลุผลมรรคตามที่ ตั้งใจจึงลาพรตและสั่งให้นายโสมคนสนิทคนสนิทใช้พระโคไถดินเพื่อหาธิดาน้อยที่ได้ฝากไว้กับแม่พระธรณีไว้ได้ตั้งชื่อให้ว่า สีดา (แปลว่า รอยไถ) นางสีดาธิดาบุญธรรมซึ่งมีอายุสิบหกปีแล้วกลับไปยังกรุงมิถิลาด้วย และได้คิดหาคู่ให้กับนาง ได้ประกาศให้บรรดากษัตริษ์หนุ่มทั้งหลายมาประลองยกธนู มหาโลหะโมลี หากใครยกได้ก็นางสีดาเป็นคู่ครอง ปรากฏว่าบรรดากษัตรย์ทั้งหลายมาประลองยกได้ก็จะได้นางสีดาเป็นคู่ครอง ปรากฏว่าบรรดากษัตรย์ทั้งหลายต่างพากันมาประลองยกศรกันเป็นจำนวนมากรวมทั้งพระรามพระลักษณ์ แห่งกรุงอยุธยาด้วย แต่ไม่มีใครยกได้จนถึงคราวพระลักษณ์... ครั้นถึงจึ่งยื่นพระกร จับศรพระศุลีนาถา แต่เขยื้นก็แจ้งในวิญญาณ์ กลับมาเฝ้าพระองค์จักรี ฯ พระรามรู้อยู่ในทีว่าพระลักษณ์เปิดทางให้ จึงเดินออกไป ครั้นถึงจึ่งยื่นพระหัตถ์ขวา อันมีลักขณาประภัสสร งามดั่งวงเทวกุญชร พระสี่กรจับคันศิลป์ชัย อันมหาธนูสิทธิศักดิ์ จะหนักพระหัตถ์ก็หาไม่ อันมหาธนูสิทธิ์ศักดิ์ จะหนักพระหัตถ์ก็หาไม่ ยกขึ้นได้คล่องว่องไว ภูวไนยกวัดแกว่งสำแดงฤทธิ์ ฯ พระรามจึงได้อภิเษกกับนางสีดา ท้าวชนกจักรวรรดิได้จัดพิธีอภิเษกสมรสให้กับทั้งสอง และได้เชิญ ท้าวทศรถ มเหสี และ ราชวงศ์มาร่วมงานพิธีด้วย เสร็จแล้วทั้งหมดได้เดินทางกลับกรุงอยุธยา ระหว่างทางได้พบรามสูรซึ่งได้เข้ามาขวางขบวนเสด็จของท้าวทศรถ จึงได้ต่อสู้กันและถอยร่นลงมาจนถึงขบวนของพระราม ได้มองเห็นนางสีดามีความงดงามก็นึกรักและคิดจะแย่งชิง แต่รบสู้พระรามไม่ได้จึงยอมแพ้เพราะมองเห็นพระรามเป็น พระนารายณ์สี่กรและได้ถวายศรของตนที่ได้รับมาจากตรีเมฆผู้เป็นอัยกา ซึ่งเป็นศรได้ประทานให้ไว้กับพระราม พระรามได้รับไว้และฝากไว้กับพระพิรุณ 5.กำเนิดทรพา กล่าวถึงการกำเนิดทรพา เดิมเป็นยักษ์ชื่อ นนทการ ทำหน้าที่เป็นนายทวารชั้นในของพระอิศวร คิดไปล่วงเกิดและหยอกล้อนางอัปสรชื่อ มาลี ซึ่งเป็นนางบำเรอของพระอิศวร ขณะที่นางกำลังนั่งร้อยมาลัยอยู่ โดยการปาดอกไม้ไปใส่นาง จนนางตกใจและโกรธ จึงไปฟ้องพระอิสวร ว่านนทการองอาจ จะเกรงบาทบงสุ์ก็หาไม่ นางแจ้งแต่ต้นจนปลายไป แล้วถวายดอกไม้เป็นสำคัญ ฯ พระอิศวรจึงได้สาปให้นนทการลงมาเกิดเป็นกาสร (กระบือ) ชื่อทรพา และเมื่อใดที่มีลูก ชื่อ ทรพีฆ่าตายแล้วแล้วจึงจะพ้นคำสาป ทรพาเมื่อเกิดมาเป็นพญากาสรมี บริวารห้าพันตัวจะคอยสังเกตดูว่า นางกาสรตัวใดตกลูกเป็นตัวผู้ก็จะฆ่าตายหมด ต่อมาทรพาได้สมสู่กับ นางนิลากาสร จนทั้งท้อง นางนิลาเมื่อเห็นท้องแก่ใกล้คลอดจึงได้กลบไปที่ถ้ำลับตาแห่งหนึ่ง ก็ได้ศุภฤกษ์ยามดี พร้อมทั้งดิถีเวลา จึ่งตกลูกมาเป็นตัวผู้ ดำดูองอาจแกล้วกล้า คอล่ำกำลังมหึมา ก็โลมเลี้ยงลูกยาสำราญใจ ให้กินนมแล้วปลอบลูกรัก แม่จะอยู่ช้านักก็ไม่ได้ แม้นพ่อของเจ้ารู้ไป จะพากันบรรลัยหนักหนา เจ้าเล่าให้ฟังถ้วนถี่ แต่ฆ่าชีวีลูกเสียหนักหนา เจ้าจงระมัดกายา กำพร้าแม่อยู่สถาวร ฯ ก่อนจากมาได้เอ่ยปากฝากลูกน้อยไว้กับเทวดาในถ้ำให้ช่วยปกป้องรักษาแล้วรีบออกมาบรรดาเทวดาทั้งหลายได้ยินก็สงสารจึงออกมาช่วยบริบาล และตั้งชื่อให้ว่า ทรพี ทรพีเมื่อเติบใหญ่ ได้คอยตามดูวัดรอยเท้าพ่อ เมื่อเห็นว่าใหญ่พอที่จะต่อสู้กันได้แล้วจึงไปท้ารบ ทรพารับคำท้าแล้วได้เข้าต่อสู้กัน จนทรพาตาย ทรพาเมื่อตายก็พ้นคำสาปกลับไปสวรรค์ตามเดิม ทรพีเมื่อฆ่าพ่อตายแล้วก็เกิดความฮึกเหิม อยากจะประลองฤทธิ์กับผู้อื่น จึงได้ออกไปเที่ยวท้าเทวดาตั้งแต่เขาหิมาลัยจนถึง เขาเบญจกูฎ ได้ท้าพระสมุทรให้ออกมารบกับตน แต่บรรดาเทวดาทั้งหลายไม่อยากจะสู้รบด้วยเพราะเห็นว่าเป็นสัตว์ดิรัจฉาน จนกระทั่วไปพบกับพระอิศวร พระอิศวรจึงบอกให้ทรพีไปท้ารบกับพาลี พาลีรับคำท้าและได้ต่อสู้กับทรพีอยู่นานตั้งแต่เช้าถึงเย็นก็ไม่สามารถเอาชนะกันได้ จึงออกอุบายนัดให้ไปรบกันในถ้ำแก้วสุรกานต์ในวันรุ่งขึ้น ก่อนออกไปพาลีได้สั่งสุครีพไว้ว่า หากตนไปรบกับทรพีนานถึงเจ็ดวันแล้วยังไม่กลับออกมาให้สุครีพไปดูที่ลำธารปากถ้ำ ถ้าเลือดข้นนั้นเลือดมหิงสา เลือดไหลเหลวมานั้นเลือดพี่ จงขับพวกพลโยธี ขนคีรีปิดปากถ้ำไว้ฯ พาลีรบกับทรพีอยู่นานจึงได้ฆ่าทรพีตาย บรรดาเทพเทวดาและนางฟ้าก็มีความดีใจจึงบันดาลให้เกิดฝนตกน้ำไหลลงมา สุครีพเมื่อเห็นพาลีหายไปครบกำหนดที่นัดหมายก็รีบไปดูน้ำที่ลำธารปากถ้ำ เห็นเลือดจางก็รีบพาบริวารขนก้อนหินมาปิดปากถ้ำไว้ พาลีเมื่อฆ่าทรพีตายก็ตัดหัวเดินแบกออกมาถึงปากถ้ำเห็นก้อนหินปิดอยู่ก็โกรธคิดว่าสุครีพคิดไม่ซื่อกับตน จึงเอาหัวของทรพีขว้างไปที่ก้อนหินปิดปากถ้ำอยู่ หินก็กระเด็นออกทันที เมื่อมาถึงกรุงขีดขินได้พบกับสุครีพก็ได้ต่อว่าและไล่สุครีพออกจากเมือง Page >>1 >>2 >>3 >>4 >>5 >>6 >>7 >>8 >>9 >>10 >>11 >>12 >>13 >>14 >>15 < ต่อไป ต่อไป >